วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ติดกับวัดมหาธาตุทางบริเวณทิศตะวันออก ห่างจากพระราชวังโบราณ เพียงเล็กน้อย จัดเป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. 1967
วัดราชบูรณะมีชื่อเสียงและความโด่งดังมากในเรื่องการถูกกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่ง ลักลอบขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน ในปี พ.ศ. 2499 และลักขโมยทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาลหลบหนีไป ต่อมากรมศิลปากรเข้าทำการบูรณะขุดแต่งต่อภายหลัง พบทรัพย์สมบัติที่หลงเหลือและเครื่องทองจำนวนมากมาย ปัจจุบันทรัพย์สมบัติภายในกรุถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องราชบูรณะ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา (ข้อมูลจาก Wikipedia)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth01.jpg)
เราเดินทางมาถึงที่นี่ประมาณ 12.44 น. จากการอ่านหนังสือ “พระพุทธรูป พระพิมพ์ จากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา” ของอาจารย์ศักดิ์ชัย สายสิงห์ และการไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา (คลิกที่นี่เพื่ออ่าน) ทำให้เราตื่นเต้นที่จะได้มาชมพระปรางค์วัดราชบูรณะของจริง ถึงแม้จะกลัวความสูง แต่ก็ฝ่าฟันความกลัวขึ้นไปบนพระปรางค์ประธานเพื่อเข้าไปดูภายในพระปรางค์ได้
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth03.jpg)
พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระปรางค์ประธาน ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีมุขหน้า-หลัง บริเวณส่วนท้ายของวิหารหลวงเชื่อมต่อกับแนวระเบียงคดตามรูปแบบแผนผังวัดสมัยอยุธยาตอนต้น ภายในอาคารยังคงปรากฎผนังด้านข้างที่เจาะหน้าต่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าผนังด้านหน้ามีช่องประตูอยู่ 3 ช่อง ช่องกลางเป็นช่องประตูประธาน มีขนาดใหญ่กว่าสองช่องที่ขนาบข้าง เหนือช่องประตูมีลวดลายปูนปั้นประดับหน้าบันซุ้มประตูตามรูปแบบงานช่างที่ซ่อมแซมขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย (ข้อมูลจากป้ายหน้าวิหารหลวง)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth05.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth04.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth08.jpg)
วิหารหลวง
โดยตำแหน่งของวิหารหลวงย่อมสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวัดประการสำคัญ คือ การออกแบบให้ท้ายวิหารยื่นล้ำเข้าไปในระเบียงคดเพื่อหน้าที่การใช้งานวัดในสมัยอยุธยาตอนต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากวิหารเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ฐานและผนังก่อด้วยอิฐ ส่วนหลังคาเป็นงานเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ย่อมผุพังไปตามกาลเวลา และมีการบูรณปฎิสังขรณ์หลายยุคหลายสมัยบนฐานอาคารเดิม จากรูปแบบที่ปรากฎในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าวิหารหลวงได้รับการบูรณะในสมัยอยุธยาตอนปลายแล้ว สังเกตได้จากพัฒนาการของงานก่อสร้าง (ข้อมูลจากหนังสือ “คู่มือนำชม ศิลปกรรมโบราณในอยุธยา” โดยศาสตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth09.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth10.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth06.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth07.jpg)
ปรางค์ประธาน
จากรูปแบบของพระปรางค์ประธาน แผนผัง ลวดลายปูนปั้น รวมทั้งโบราณวัตถุที่พบในกรุพระปรางค์ ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าวัดราชบูรณะน่าจะสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ปรางค์ประธานเป็นตัวอย่างของปรางค์ขนาดใหญ่ในสมัยอยุธยาตอนต้นซึ่งเหลือรูปแบบสมบูรณ์มากที่สุดได้แก่ ชั้นฐานบัวลูกฟัก 3 ชั้น บัวลูกฟักมีขนาดใหญ่ มีระบบเพิ่มมุมประธานที่ยังมีขนาดใหญ่กว่ามุมขนาบมาก (ข้อมูลจากหนังสือ “คู่มือนำชม ศิลปกรรมโบราณในอยุธยา” โดยศาสตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์)
ลวดลายประดับเป็นงานศิลปกรรมสำคัญที่ใช้กำหนดอายุพระปรางค์ได้ กล่าวคือ ในสมัยอยุธยาตอนต้นยังเป็นลายประดิษฐ์ที่ใกล้เคียงกับลายต้นแบบในศิลปะเขมรที่สืบทอดมายังศิลปะลพบุรี เช่น ลายกรวยเชิง ที่แม่ลายมีแกนกลางเป็นลายบั้ง ด้านข้างเป็นลายกระหนก 2 ตัว และลายแทรกเป็นลายบั้ง ที่น่าสนใจคือ ในปรางค์องค์นี้พบลวดลายปูนปั้นสมัยเมื่อแรกสร้างและงานซ่อมในสมัยอยุธยาตอนปลาย
สมบัติจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ
ใน พ.ศ. 2499 เกิดเหตุการณ์สำคัญคือ มีคนร้ายลักลอบขุดกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะและขโมยของมีค่าในกรุไปได้จำนวนหนึ่ง ต่อมากรมศิลปากรได้ทำการสำรวจและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับกรุพระปรางค์ โดยติดตามสิ่งของมีค่ากลับคืนมาได้ส่วนหนึ่ง ตามบันทึกของนายกฤษณ์ อินทโกศัย รองอธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น พบว่าห้องกรุมีทั้งหมด 3 กรุ กรุห้องที่ 1 อยู่ใต้ห้องคูหาปรางค์เมื่อเจาะกรุที่ 1 ลงไปจะเป็นกรุห้องที่ 2 เป็นห้องสำคัญบรรจุสิ่งของต่างๆ คนร้ายได้เจาะถึงกรุชั้นนี้และนำสมบัติไปได้ส่วนหนึ่ง ใต้กรุห้องที่ 2 มีกรุที่ 3 ซึ่งคนร้ายยังไม่ได้เจาะลงไป กรมศิลปากรได้ทำการเปิดกรุซึ่งยังคงอยู่ในสภาพเดิม (ข้อมูลจากหนังสือ “คู่มือนำชม ศิลปกรรมโบราณในอยุธยา” โดยศาสตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์)
หากสนใจสามารถชมของมีค่าต่างๆ ในกรุ ได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth15.jpg)
พระอุโบสถน่าจะสร้างขึ้นพร้อมการสร้างวัดเช่นเดียวกับพระวิหารที่อยู่ในแบบแผนของวัดในสมัยอยุธยาตอนต้น ปัจจุบันเหลือเฉพาะส่วนฐานและผนัง ระบบผนังคงมีการบูรณะในสมัยอยุธยาตอนปลายเช่นเดียวกับวิหารหลวง
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth16.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth17.jpg)
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth18.jpg)
และเช่นเคยการอ่านหนังสือ “คู่มือนำชม ศิลปกรรมโบราณในอยุธยา” โดยศาสตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์ ทำให้การมาเยี่ยมชมวัดต่างๆ ในอยุธยาสนุกและได้รับความรู้มากมาย
เที่ยวชมวัดเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะดื่มกาแฟโบราณจาก “อโยธยาคาเฟ่” นะคะ รสชาติดี รถเข็นคุณลุงอยู่ด้านหน้าวัดราชบูรณะ
![](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2021/12/WatRatchaburana_Juth19.jpg)
The photographs may not be copied, reproduced, redistributed, manipulated, projected, used or altered in any way without the prior express written permission of Juth.Net