เศรษฐกิจพอเพียง เป็นคำที่คนไทยได้ยินคุ้นหู แต่จะมีสักกี่คน ที่ทราบว่าเศรษฐกินพอเพียงนั้น หมายถึงอะไร และเกษตรกรที่ดำเนินรอยตามพระราชดำรินั้น ทำอย่างไร เราจะพาไปเที่ยวชม ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี กันค่ะ
เศรษฐกิจพอเพียง หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Sufficient Economy คือ พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับตั้งแต่ปี 2517 เป็นต้นมา จะพบว่าพระองค์ท่าน ได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานของการพึ่งตนเอง ความพอมีพอกิน พอมีพอใช้ การรู้จัก ความพอประมาณ การคำนึงถึงความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว และทรงเตือนสติประชาชน คนไทยไม่ให้ประมาท ตระหนักถึงการพัฒนาตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ตลอดจนมีคุณธรรมเป็นกรอบในการดำรงชีวิตซึ่งทั้งหมดนี้เป็นที่รู้กันภายใต้ชื่อว่า เศรษฐกิจพอเพียง (ศึกษาเพิ่มเติม คลิกที่นี่ เศรษฐกิจพอเพียง.net)
เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ความตระหนี่ แต่คือความพอเพียงในแง่ของการไม่สร้างหนี้ การมีรายได้เป็นของตัวเอง การสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เพราะเมื่อเราอยากได้มากกว่าสิ่งที่มี เมื่อรายได้ไม่พอกับรายจ่าย เราจะเป็นหนี้ และนั่นทำให้เศรษฐกิจโดยรวมแย่
ตูนได้โทรมานัดหมายเวลา เพื่อขอศึกษาชมศูนย์การเรียนรู้กับคุณสุชล ที่เบอร์ 086-1784157 เราเดินทางมาถึงศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี ตำบลจอมปลวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เวลาประมาณ 15.30 น.
คุณสุชล สุขเกษม เป็นประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีอยู่ในจังหวัดต่างๆ และยังเป็นเกษตรกร Smart Farmer ต้นแบบด้านเกษตรผสมผสานอีกด้วย
คุณสุชล อายุ 55 ปี เป็นชาวสมุทรสงคราม และอยู่ในครอบครัวทำการเกษตรมาตลอด การดูงานในหลายๆ จังหวัด ทำให้คุณสุชลได้ลองนำมาปรับใช้ ทดลองด้วยตัวเองมาตลอด และน้อมนำพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทาง คุณสุชลได้ศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตอนไปทำงานที่ซาอุดิอาระเบีย
ด้วยความรู้ทั้งหมดทำให้เกิดศูนย์การเรียนรู้ เพื่อให้เกษตรกรมาดูแนวทาง หรือแม้แต่คนที่มีที่ดินแล้วไม่รู้จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี มีเนื้อที่ 1 ไร่ คุณสุชลกล่าวว่า “ต้องใช้ทุกสิ่งให้มีคุณค่า ไม่มีการทิ้ง อนุรักษ์พลังงาน และที่สำคัญต้องสร้างรายได้” เนื้อที่ 1 ไร่ ยังสามารถทำอะไรตั้งเยอะ
ในแต่ละวันจึงมีคนมาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เป็นจำนวนมาก นำแปลนเนื้อที่มาให้คุณสุชลวางแผน ว่าจะทำอะไรดีกับที่ดิน ปลูกอะไรดี เลี้ยงอะไรดี ซึ่งคุณสุชลเน้นย้ำว่า แต่ละที่ แต่ละสภาพอากาศก็มีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่สุด ในการวางแผนคือ รายได้ เพราะเกษตรกรไม่มีเงินเดือน ทุกสิ่งที่ทำต้องเกิดรายได้จริง
ชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จากประเทศต่างๆ ถึง 90 ประเทศ สิ่งที่ชาวต่างชาติสนใจมาก คือ การเลี้ยงไก่ไข่หลุม และ การเลี้ยงไก่ไข่ตระกร้า ที่ผูกไว้กับต้นมะพร้าว ไก่ไข่ที่เลี้ยงนั้นเป็นพันธุ์ โรดไอร์แลนด์ (Rhode Island)
คุณสุชลอธิบายถึงแนวคิดการเลี้ยงไก่ไข่ในตระกร้า (หรือที่เรียกว่า การเลี้ยงไก่ไข่ขังเดี่ยวกับต้นมะพร้าว) ว่าปัญหาการเลี้ยงไก่สำหรับเกษตรกรจะมีเรื่อง ไก่ไปจิกพืชผักของบ้านข้างๆ, โดนหมาไล่กัด, โดนงูกิน หรือถ้าเลี้ยงเป็นแบบอยู่ในเรือนเบียดเสียดติดๆ กัน ขยับตัวไม่ได้ ทำให้ไก่เกิดความเครียด จิกกันเอง ไข่ที่ได้มาไม่มีคุณภาพ
ต้นมะพร้าว และต้นไม้นั้นต้องให้ปุ๋ยคอกอยู่แล้ว ถ้านำไก่ขึ้นไปอยู่บนตระกร้าที่แขวนไว้ เมื่อไก่ถ่ายลงมา ก็เป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ได้อีกด้วย เมื่อเรามองไปรอบๆ ต้นไม้ทุกต้นในสวนสารภีนั้น เขียวชะอุ่มจริงๆ
ไก่ที่อยู่ในตระกร้าสามารถหมุนตัวได้รอบตัว อากาศถ่ายเท ทำให้ไก่มีความสุข ไข่ที่ได้ก็จะมีคุณภาพ คุณสุชลตั้งชื่อให้ไก่ทุกตัวด้วย เราจะได้ยินคุณสุชลพูดว่า “นวลละออ ขอไข่หน่อยนะ” แล้วก็เอื้อมไปหยิบไข่ในตระกร้า
สำหรับการเลี้ยงไก่หลุม คุณสุชลได้แนวคิดจากการเลี้ยงหมูหลุม ซึ่งบนพื้นคอกจะใส่แกลบดิบ หรือ ขุยมะพร้าวแห้งใส่ลงไป หนาประมาณ 2-3 นิ้ว เมื่อไก่ถ่ายลงไป ทำให้เกิดปุ๋ยหมักนำไปใส่พืชผล หรือขายได้อีกด้วย
เรายังสามารถใช้โอ่งมาดัดแปลง ทำเป็นหลุมไว้เลี้ยงไก่ไข่ได้ด้วย
และถ้าเรามีเนื้อที่น้อย ต้องใช้เนื้อที่ให้คุ้มค่า เราสามารถเลี้ยงไก่อยู่บนคอกเป็ดหลุมได้ ขี้ไก่จะเทมาอยู่ในราง ขี้เป็ดก็จะตกลงไปตามท่อ รวมกันไปทำแก๊สชีวภาพได้อีกด้วย
การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามขังเดี่ยวในร่องน้ำในสวนมะพร้าว สาเหตุที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในตระกร้า เพราะว่าเมื่อกุ้งโตขึ้น จนลอกคราบ จะทำให้กุ้งนั้นกินกันเอง ทำให้เกษตรกรเสียผลผลิตไป ดังนั้นลูกกุ้งจะถูกเลี้ยงในกระชัง แต่เมื่อโตขึ้นจะแยกมาเลี้ยงเดี่ยวในตระกร้า เกษตรกรจึงได้ผลผลิตครบถ้วน ราคาขายกิโลกรัมละ 500 – 800 บาททีเดียว
การทำแก๊สชีวภาพใช้เองจากมูลไก่ไข่ เป็ดไข่ เมื่อเราทำความสะอาดรางขี้ไก่ ขี้เป็ด ให้ทุกรางทุกท่อ พามาสู่บ่อหมักแก๊ส โดยบ่อหมักแก๊สจะเป็นยางในรถจักรยาน ที่เราเห็นพองๆ ก็คือแก๊ส
มูลสัตว์มีแก๊สมีเทน ที่เกิดจากการหมัก
ล้างรางขี้ไก่ ให้ไหลไปในบ่อเติม
การเลี้ยงชันโรงผสมเกสรผลไม้ โดยปกติเกษตรกรต้องฉีดสารเคมีเพื่อเร่งให้ผลลูกดก แต่คุณสุชลใช้ชันโรงเพื่อให้ไปผสมเกสรให้ถี่ยิ่งขึ้น ทำให้ยิ่งออกดอกออกผล เพราะชันโรงไม่เลือกเกสรดอกไม้เหมือนผึ้ง และยังมีน้ำหวาน ขายได้ขวดละ 1,500 บาท ราคาสูง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิธีการคือใส่ผ้าขาวบางแล้วบีบน้ำออกมา ลักษณะของรังชันโรง จะเหมือนรังปลวก
การสาธิตจักรยานสูบน้ำ เวลาเราจะรดน้ำ เราก็ปั่นจักรยานเอา เป็นการออกกำลังกาย ไม่ให้เข่าเสื่อมได้ด้วย พร้อมกับเอาน้ำจากร่องน้ำ มารดต้นไม้ ดีจริงๆ
การกรองน้ำมันเก่าเป็นไอโอดีเซล น้ำมันเหลือๆ ที่เราใช้กันเราสามารถนำมาทำไบโอดีเซลได้ด้วย
คุณสุชลพามาดูบ่อเลี้ยงปลา ที่ทำลาดเอียงเอาไว้ เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนน้ำในบ่อปลา
คุณสุชลจะไม่ใช้สารเคมีเด็ดขาด เพราะจะทำให้ระบบนิเวศน์เสีย เพราะในร่องน้ำมีการเลี้ยงปลาด้วย เรามาเดินดูรอบๆ สวนสารภีกันค่ะ
เตาตาลประหยัดพลังงาน เป็นเตาที่มีกระทะสำหรับใช้เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว
เลี้ยงนกพิราบรำแพน สามารถขายได้ตัวละ 300 บาท
เราจะพาไปดูไข่เค็มรสต้มยำ ที่แม้แต่ชาวต่างชาติยังชอบ คุณสุชลจึงต้องจดลิขสิทธิ์ให้เรียบร้อยค่ะ แนวคิดมาจากการต้มยำสมุนไพร เอาเครื่องปรุงมาดองให้เป็นไข่เค็ม ทำให้ได้รายได้ฟองละ 8 บาท
ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ ยังมีห้องพักให้เช่าด้วยนะคะ ห้องมีหลายรูปแบบ ถ้าเป็นห้องแอร์รวม ราคาหัวละ 200 บาท
ก่อนกลับตูนซื้อมะพร้าว ไข่เค็ม และของอื่นๆ ที่ทางศูนย์นำมาจำหน่ายกลับบ้านเยอะแยะเลย
วันนี้ได้ความรู้ และมีความเข้าใจในเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น ขอบคุณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี และคุณสุชล สุขเกษม มากๆ ค่ะ ที่สละเวลามาแนะนำ อธิบายสิ่งต่างๆ มากมาย ใครที่อยากแวะมาก็โทรมานัดเวลาได้นะคะ แผนที่ตามด้านล่างนี้เลย
The photographs may not be copied, reproduced, redistributed, manipulated, projected, used or altered in any way without the prior express written permission of Juth.Net
3 comments