พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล หรือส่วนหนึ่งของที่ประทับวังหน้า อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และโรงละครแห่งชาติ ตรงข้ามสนามหลวง
![Tuk Tuk](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090076.jpg)
Tuk Tuk
เรานั่ง MRT จากสถานีอโศก มาถึงหัวลำโพง แล้วเรียกรถตุ๊กตุ๊กไปส่งให้ใกล้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติให้มากที่สุด (พี่ตุ๊กตุ๊กคันนี้ซิ่งมาก ยังกับนั่งรถไฟเหาะ หัวใจจะวาย) รถตุ๊กตุ๊กมาส่งที่แถวกระทรวงกลาโหมตอน 13.20 น. ถ่ายรูปหน้ากระทรวงไปสักพัก ก็เดินต่อ และฝนก็ตกลงมาแรงมาก เราเดินฝ่าฝนมาถึงพิพิธภัณฑ์ประมาณ 14.11 น.
![พระที่นั่งพุทไธสวรรย์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090110.jpg)
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย หมู่พระวิมาน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ และ อาคารมหาสุรสิงหนาท
![พระที่นั่งพุทไธสวรรย์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090140.jpg)
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
พระที่นั่งพุทไธสวรรค์
พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 สำหรับประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและภาพเทพชุมนุม
![พระที่นั่งพุทไธสวรรค์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090118.jpg)
พระที่นั่งพุทไธสวรรค์
พระพุทธสิหิงค์
พระพุทธสิหิงค์ ตามตำนานกล่าวว่า เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชได้มาจากลังกาแล้วนำขึ้นไปถวายพระเจ้ากรุงสุโขทัย จากนั้นได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานหลายเมือง เช่น กรุงศรีอยุธยา กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่
พระพุทธสิหิงค์ ศิลปะสุโขทัย สำริดกะไหล่ทอง สูง 166 ซม.
![พระพุทธสิหิงค์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090136.jpg)
พระพุทธสิหิงค์
![พระที่นั่งพุทไธสวรรย์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090119.jpg)
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
![พระที่นั่งพุทไธสวรรย์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090121.jpg)
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในกรัณฑ์
สมัยรัตนโกสินสินทร์ พุทธศตรวรรษที่ 24-25
ประดิษฐานอยู่ในช่องเสียบก้านพระรัศมีของพระพุทธสิหิงค์ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในกรัณฑ์ (ผอบมีเชิง มีฝาครอบทรงยอด) ทำด้วยทองคำลงยาราชาวดี ประดิษฐานไว้ในองค์พระพุทธรูป แสดงให้เห็นว่าพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นพระปฏิมาสำคัญค่าควรเมือง และฐานันดรศักดิ์ของผู้ถวายเครื่องทองคำลงยาราชาวดีนี้ คือ พระมหากษัตริย์
![พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในกรัณฑ์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090122.jpg)
พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในกรัณฑ์
พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับ
สมัยสุโขทัย พุทธศตรวรรษที่ 19-20
พบขณะขุดแต่งบูรณะโบราณสถานบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง เมื่อ พ.ศ. 2544 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จังหวัดสุโขทัย
พระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ในตลับทองคำใบเล็ก ซ้อนอยู่ด้านในตลับชั้นกลางทำด้วยทองคำ และตลับชั้นนอกทำด้วยสำริด จุดที่พบตลับทั้งสามใบเป็นช่องกรุรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ภายในฐานของโบราณสถาน ซึ่งเป็นฐานเจดีย์ทรงระฆังที่ส่วนบนพังทลายลงมาเหลือเพียงส่วนฐาน
![พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090124.jpg)
พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับ
๑ พระบรมสารีริกธาตุ และพระสถูปจำลอง
สมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 20
พบในกรุพระปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
๒ พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในสถูปจำลองพร้อมเครื่องสูง
สมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 21
พบขณะปฏิสังขรณ์เจดีย์ศรีสุริโยทัย พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2533 โดยกองบัญชาการทหารสูงสุดร่วมกับกรมศิลปากร
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ศรีสุริโยทัยขึ้นบริเวณสถานที่พระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระอัครมเหสี เมื่อ พ.ศ. 2091
![พระบรมสารีริกธาตุและพระสถูปจำลอง](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090126.jpg)
พระบรมสารีริกธาตุและพระสถูปจำลอง
พระบรมสารีริกธาตุ
สมัยล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21-22
1 พบที่วัดดอกคำ ตำบลบ้านหลวง อำเภอฮอด เชียงใหม่
2 พบที่วัดเจดีย์สูง ตำบลบ้านหลวง อำเภอฮอด เชียงใหม่
3 พบที่วัดศรีโขง ตำบลบ้านหลวง อำเภอฮอด เชียงใหม่
4 พบที่โบราณสถานเจดีย์กุด ตำบลแม่เหียะ เชียงใหม่
5 พบที่โบราณสถานเวียงกุมกาม อำเภอสารภี เชียงใหม่
1-3 สำรวจเก็บกู้ได้จากวัดร้าง ก่อนการสร้างเขื่อนภูมิพล ระหว่าง พ.ศ. 2502-2504
![fgfg](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090132.jpg)
gfg
ภาพเขียนพุทธประวัติ
ภาพเขียนพุทธประวัติ ตอนเทศนาโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จิตรกรรมฝาผนังในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์
![ภาพเขียนพุทธประวัติ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090128.jpg)
ภาพเขียนพุทธประวัติ
โรงราชรถ
ประวัติโรงราชรถ
จากหลักฐานหนังสือ “เรื่องกรุงเก่า” กล่าวว่า มีโรงใส่พระมหาพิชัยราชรถ อยู่ริมกำแพงคั่นท้องสนามหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ ภายนอกประตูพระราชวัง ชั้นกลาง โรง 1 ซึ่งได้สูญไปกับเพลิงในสงครามครั้งเสียกรุง เมื่อ พ.ศ. 2310
ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างพระพิชัยราชรถ ใช้เป็นราชูปโภคสืบต่อมา 7 รถ จากหมายรับสั่งรัชกาลที่ 3 ปี พ.ศ. 2386 กล่าวว่ามีโรงเก่าอยู่ที่ริมตึกดิน ทางทิศตะวันตกของพระบรมมหาราชวัง และโปรดให้เกณฑ์เลกมาชักลากพระมหาพิชัยราชรถไปไว้ที่โรงรถทำใหม่ ซึ่งอยู่แห่งใดไม่เป็นที่ปรากฏ
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ย้ายโรง พระมหาพิชัยราชรถ มาไว้ที่พระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า ตั้งเป็นโรงเก็บราชรถสำคัญ 2 โรง โดยให้อยู่ในความดูแลของกรมพระตำรวจ
ถึงสมัยรัชการที่ 7 ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังบวรสถานมงคล ให้เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (ปัจจุบัน คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) อยู่ในการกำกับดูแลของราชบัณฑิตยสภา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา จึงให้สร้างโรงราชรถขึ้นใหม่ ลักษณะเป็นโรงหลังคาทรงจั่ว 2 หลัง เชื่อมต่อกันด้วย มุขขวาง ภายในเปิดโล่งถึงกันโดยตลอด แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2472
พ.ศ. 2536 กรมศิลปากรได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์โรงราชรถขึ้นใหม่โดยต่อเติมมุขหน้า ใช้เป็นที่เก็บรักษาและจัดแสดงราชรถสำคัญของแผ่นดิน รวมทั้งเครื่องประกอบในการพระราชพิธี พระบรมศพและพระศพในปัจจุบัน
![โรงราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090269.jpg)
โรงราชรถ
![โรงราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090271.jpg)
โรงราชรถ
![โรงราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090272.jpg)
โรงราชรถ
![โรงราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090273.jpg)
โรงราชรถ
ภายในโรงราชรถ วัตถุจัดแสดงที่สำคัญคือ
พระมหาพิชัยราชรถ
มีนามหมายถึง ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เป็นมงคลนาม ตามคติการสร้างรถศึกของอินเดียโบราณ ใช้เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก เมื่อปี พ.ศ. 2339 ลักษณะเป็นราชรถทรงบุษบกขนาดใหญ่ มีขนาดกว้าง 4.80 เมตร ยาว 18 เมตร สูง 11.20 เมตร หนัก 13.70 ตัน ตกแต่งด้วยชั้นเกรินประดับกระหนกเศียรนาค กระหนกท้ายเกริน และรูปเทพพนมโดยรอบใช้อัญเชิญพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมชนก พระราชชนนี พระอัครมเหสี และพระมหาอุปราช ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใช้เป็นพิเศษ
ครั้งสุดท้ายใช้ในการอัญเชิญพระโกศสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ออกพระเมรุท้องสนามหลวง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555
![พระมหาพิชัยราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090237.jpg)
พระมหาพิชัยราชรถ
![พระมหาพิชัยราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090186.jpg)
พระมหาพิชัยราชรถ
![พระมหาพิชัยราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090234.jpg)
พระมหาพิชัยราชรถ
![พระมหาพิชัยราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090237-1.jpg)
พระมหาพิชัยราชรถ
![พระมหาพิชัยราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090230.jpg)
พระมหาพิชัยราชรถ
![พระมหาพิชัยราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090233.jpg)
พระมหาพิชัยราชรถ
![ภายในโรงราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCarriages090213.jpg)
ภายในโรงราชรถ
เวชยันตราชรถ
มีนามหมายถึงรถของพระอินทร์ ลักษณะเป็นราชรถทรงบุษบกพิมานขนาดใหญ่ กว้าง 4.85 เมตร ยาว 18 เมตร สูง 11.70 เมตร หนัก 12.25 ตัน จำหลักตกแต่งลวดลายวิจิตร สร้างขึ้นพร้อมกับพระมหาพิชัยราชรถ เพื่อใช้ในการถวยพระเพลิงพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ในปี พ.ศ. 2339 โดยพระมหาพิชัยราชรถ ใช้เป็นราชรถทรงพระบรมอัฐิ และเวชยันตราชรถใช้เป็นรถพระที่นั่งรอง จากนั้นใช้ในการพระศพ สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าสืบมาถึงรัชกาลที่ 6
ต่อมาพระมหาพิชัยสำหรับทรงพระบรมศพชำรุด จึงใช้เวชยันตราชรถเป็นราชรถทรงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ พ.ศ. 2468 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อ พ.ศ. 2493 ครั้งสุดท้ายใช้ในการอันเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2528
![เวชยันตราชรถ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090145.jpg)
เวชยันตราชรถ
ราชรถน้อย
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 พร้อมพระมหาพิชัยราชรถ และเวชยันตราชรถ มีสัณฐาน และรูปทรงเช่นเดียวกัน แต่มีขนาดย่อมกว่า มีน้ำหนักเพียง 3.85 ตัน และ 3.65 ตัน เท่านั้น
คือมีฐานสูงซ้อนชั้น ประกอบด้วยชั้นเกริน ตกแต่งด้วยกระหนกนาค กระหนกท้ายเกริน และตัวภาพรูปเทพพนมโดยรอบ ส่วนบนยอดเป็นบุษบกพิมาน ส่วนล่างเป็นโครงสร้าง รับน้ำหนักและบังคับรถ จำหลักด้วยไม้ปิดทองประดับกระจกอย่างประณีต ใช้เป็น รถพระ รถโปรย และรถโยง นำหน้ารถทรงพระบรมโกศ ต่อมาในรัชกาลที่ 6 โปรดให้ยกเลิกประเพณี โยง และโปรย ในการพระราชพิธีพระบรมศพ ปัจจุบันจึงคงใช้ราชรถน้อยเป็นรถพระสงฆ์อ่านพระอภิธรรมนำ
![ราชรถน้อย](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090248.jpg)
ราชรถน้อย
![ราชรถน้อย](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090250.jpg)
ราชรถน้อย
![ราชรถน้อย](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090255.jpg)
ราชรถน้อย
เกรินบันไดนาค
คืออุปกรณ์ที่ใช้อัญเชิญพระโกศขึ้นสู่ราชรถโดยการหมุนกว้านเลื่อนแท่นที่วางโกศขึ้นไปตามรางเลื่อนไม้จำหลักรูปนาค จึงเรียกเกรินบันไดนาค แท่นที่วางพระโกศ เป็นแท่นสี่เหลี่ยม ท้ายเกรินมีลักษณะคล้ายท้ายสำเภาสำหรับเจ้าพนักงานภูษามาลาขึ้นนั่งประคอง พระโกศพระบรมศพประดิษฐ์ขึ้นโดยสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ใช้ครั้งแรกในงานพระเมรุพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2355
![เกรินบันไดนาค](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090214.jpg)
เกรินบันไดนาค
ยานมาศสามลำคาน
เป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้จำหลักลวดลายลงรักปิดทอง มีพนักโดยรอบ และมีคานหาม 3 คาน จึงเรียกยานมาศสามลำคาน ใช้คนหาม 2 ผลัด ผลัดละ 60 คน ใช้สำหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมศพ จากพระบรมมหาราชวังขึ้นสู่ราชรถ และใช้ทรงพระโกศพระบรมศพในการเวียนพระเมรุ
![ยานมาศสามลำคาน](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090191.jpg)
ยานมาศสามลำคาน
พระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7
พระโกศจันทน์ใช้เพื่อการถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ณ พระเมรุมาศในปริมณฑลท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2528 มีลักษณะเป็นโกศแปดเหลี่ยม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.86 เมตร สูง 1.61 เมตร ประกอบด้วยโครงลวดตาข่ายประดับลายฉลุเป็นลายซ้อนไม้ ทำจากไม้จันทน์ทั้งองค์ สามารถถอดได้เป็น 3 ส่วน คือส่วนฐาน ส่วนองค์ และส่วนยอด สำหรับทรงพระบรมศพถวายพระเพลิงที่พระเมรุมาศ
![พระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090264.jpg)
พระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระโกศ
พระโกศที่ทรงพระบรมศพ และพระศพในลักษณะศพนั่ง มี 2 ชั้น ในสมัยอยุธยาเรียกพระโกศชั้นนอกว่า “พระลอง” และชั้นในเรียกว่า “พระโกศ” สมัยรัตนโกสินทร์เรียกกลับกัน คือ ชั้นนอกเรียก “พระโกศ” ชั้นในเรียก “พระลอง” หรือ “พระลองใน” ชั้นในเป็นโลหะทรงกระบอกไม่มีลวดลาย มักปิดทองทึบ ชั้นนอกตกแต่งลวดลายสวยงาม สำหรับประกอบหุ้มชั้นในให้มิดชิด ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้จำหลักลวดลาย หรือบุทองคำแท้ก็มี ลงรักปิดทองแกมแก้วก็มี เป็นลายกระหนกฝังมุกก็มี ส่วนผ่าแหลมสูงทำยอดทรงมงกุฏ ทรงยอดมณฑป หรือยอดปราสาท บางครั้งมีเครื่องตกแต่งเพิ่มเติมคือ พุ่มข้าวบิณฑ์ และดอกไม้ไหวประดับที่ยอด เฟื่องอุบะประดับรอบฝา และดอกไม้เพชรหรือดอกไม้เอวประดับที่เอวพระโกศ ฐานพระโกศที่รอบรับองค์พระโกศทำคล้ายฐานสิงห์หรือฐานบัว
![พระโกศ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090267.jpg)
พระโกศ
สัตว์หิมพานต์
การนำรูปสัตว์หิมพานต์มาตั้งประดับพระเมรุเป็นธรรมเนียมที่สืบมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ทั้งนี้เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุ อันเป็นแกนแห่งจักรวาล และเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามความเชื่อด้านคติจักรวาลของไทย ด้วยเชิงเขาพระสุเมรุย่อมประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ทั้งทวิบาท และจตุบาท รูปสัตว์หิมพานต์เหล่านี้ ตามธรรมเนียมเดิมผูกเป็นหุ่น หลังเทินบุษบกใ่ส่ผ้าไตร มีล้อลาก สำหรับเชิญไปในกระบวนพยุหยาตราอันเชิญพระโกศพระบรมศพและพระศพ เมื่อถึงยังมณฑลจึงใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งพระเมรุ
สัตว์หิมพานต์ในที่นี้ ใช้ในงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นสัตว์หิมพานต์ ประเภททวิบาท คือ มี 2 เท้า นำมาประดับบันไดทางขึ้นพระเมรุ 3 ด้าน เป็นทวารบาลพิทักษ์รักษาพระเมรุ ได้แก่ กินรี ลักษณะครึ่งคนครึ่งนก ประดับบันไดทางทิศเหนือ อัปสรสีหะ ลักษณะครึ่งนางฟ้าครึ่งสิงห์ ประดับอยู่ด้านทิศตะวันตก นกทัณฑิมา มีมือถือกระบอง ประดับด้านทิศใต้
![สัตว์หิมพานต์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090198.jpg)
สัตว์หิมพานต์
![สัตว์หิมพานต์](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_RoyalCremationCeremony090192.jpg)
สัตว์หิมพานต์
ส่วนอื่นๆ ของทางพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ท้องพระโรงใช้เป็นที่เสด็จออก ปัจจุบันใช้เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการพิเศษหมุนเวียนตลอดปี
![พระพุทธรูปบุทอง เครื่องทองต่างๆ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090281.jpg)
พระพุทธรูปบุทอง เครื่องทองต่างๆ
![เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090284.jpg)
เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก
เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย เครื่องแรกของโลก คิดค้นโดย นายเอ็ดวิน ฮันเตอร์ ยี่ห้อ สมิทพรีเมียร์ ในปี พ.ศ. 2434
![เครื่องราชยาน](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090289.jpg)
เครื่องราชยาน
จัดแสดงเครื่องราชยาน คานหาม สัปคับ เสลี่ยงกง เสลี่ยงหิ้วและสีวิกา
![พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ](http://www.juth.net/wp-content/uploads/2016/11/JuthNet_NationalMuseumBangkok090307.jpg)
พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ
ประเทศไทยเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ประณีต วิจิตร มาที่นี่แล้วรู้สึกภูมิใจในบรรพบุรุษของเรา ที่ได้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่ทรงคุณค่ามากมาย ให้คนรุ่นหลังได้เก็บไว้ ยังมีอีกมากมายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ลองมาชมด้วยตัวคุณเองนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจากแผ่นพับของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เวลาทำการ 09.00-16.00 น.
ปิดวันจันทร์ วันอังคาร
Facebook: www.facebook.com/nationalmuseumbangkok
The photographs may not be copied, reproduced, redistributed, manipulated, projected, used or altered in any way without the prior express written permission of Juth.Net
Pingback: ส้มตำคอนแวนต์ HAI Somtum Convent - Juth.Net